เนื้อหาต่อไปนี้เกิดจากการ สรุปการประชุมระหว่างสมาชิกตัวแทนในแต่ละจังหวัด ที่ได้สมัครเข้ามาเพื่อร่วมกันรายงานปัญหาและอุปสรรคในการใช้งานโดรนในมิติต่างๆ พร้อมทั้งรวบรวมความคิดเห็น (Comment) จาก Fanpage สำนักงานการบินพลเรือน รวมถึงการอ้างอิงตามประกาศข้อกำหนดการห้ามบินและการผ่อนผัน หลังวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
สรุปแบบย่อสำหรับท่านที่ไม่มีเวลาอ่าน
โดยสำหรับท่านที่ไม่มีเวลาอ่านรายละเอียดทั้งหมด สามารถรับชมคลิปสรุปได้ตามด้านล่างนี้:
และสำหรับท่านที่ต้องการอ่านข้อมูลเชิงลึก สามารถดูรายละเอียดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งสามารถแยกออกเป็นประเด็นสำคัญ ได้ดังนี้:
เสียงสะท้อนจากคนใช้โดรน
กฎระเบียบที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจและโอกาสของคนไทย
ปัญหาหลักที่ผู้ใช้งานเผชิญ
🚫 พื้นที่ห้ามบินที่ไม่ยืดหยุ่น
การกำหนด "พื้นที่สีแดง" และเขตห้ามบินที่เข้มงวดเกินความจำเป็น ทำให้การทำงานในหลายจังหวัดเป็นอัมพาต ตั้งแต่เขตชายแดนไปจนถึงพื้นที่รอบสนามบินที่ครอบคลุมทั้งเมือง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเฝ้าระวังภัยธรรมชาติและการประกอบอาชีพ
- บุรีรัมย์: เจ้าหน้าที่ "เหมือนคนตาบอด" ไม่สามารถใช้โดรนเฝ้าระวังช้างป่าได้
- เชียงใหม่: พื้นที่ห้ามบินรอบสนามบินกินพื้นที่เกือบทั้งเมือง
- จันทบุรี: ถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง กระทบสวนทุเรียนและผลไม้เศรษฐกิจ
⏳ กระบวนการขออนุญาตที่ล่าช้า
ขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลานานถึง 3-5 วัน ประกอบกับแอปพลิเคชันที่ไม่เสถียร ทำให้ผู้ใช้งานพลาดโอกาสงานด่วนซึ่งเป็นรายได้สำคัญ และสร้างความไม่แน่นอนจนลูกค้าหันไปใช้ทางเลือกอื่น
- ระยะเวลารอนาน: พลาดงานด่วนที่ต้องการบินในวันถัดไป
- แอปฯ ไม่เสถียร: ขออนุญาตพื้นที่เดิมไม่ได้ในวันถัดมา
- ข้อจำกัดทางเทคนิค: ไม่รองรับการบินนอกระยะสายตา (BVLOS)
ผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจฐานราก
🌾 ภาคเกษตรกรรม
"หนอนและเพลี้ยไม่รอ"
เกษตรกรเสียหายหนักที่สุด การระงับบินทำให้ฉีดพ่นยาและปุ๋ยไม่ทันการณ์ ส่งผลให้ผลผลิตเสียหายรุนแรง ขาดทุน และกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร
ความเสียหายของผลผลิตข้าวสูงกว่า 30%
ข้าวโพดหวานถูกกดราคา
เหลือ 1 บาท/กก.
จากที่เคยส่งโรงงานไม่ได้
🎬 ธุรกิจและฟรีแลนซ์
"ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครนแทนโดรน"
ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น งานถ่ายภาพ สำรวจ และโปรดักชันถูกยกเลิก ฟรีแลนซ์สูญเสียรายได้รายวัน
การรออนุมัติทำให้พลาดโอกาสงานด่วน
สูญเสียรายได้เฉลี่ยต่อวัน
2,000-3,000 บาท
สำหรับฟรีแลนซ์ถ่ายภาพที่ดิน
🏛️ บริการสาธารณะและการศึกษา
"มหาวิทยาลัยยกเลิกโครงการอบรม"
ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่ภาคธุรกิจ แต่ยังลามไปถึงการพัฒนาบุคลากรและบริการสังคม การสื่อสารที่คลาดเคลื่อนทำให้โครงการอบรมโดรนถูกยกเลิก และการบังคับใช้กฎหมายก็ทำได้ยากขึ้น
ข้อเสนอแนะและทางออก
เพื่อปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยีโดรนและลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ประชาชนได้เสนอแนวทางแก้ไขที่เน้นความยืดหยุ่นและเข้าใจบริบทการใช้งานจริง
4. สร้างความเข้าใจร่วมกัน
หน่วยงานกำกับดูแลทำงานร่วมกับผู้ใช้งานจริง
3. ทบทวนพื้นที่ห้ามบิน
อนุโลมตามบริบทการใช้งาน เช่น โดรนเกษตรในพื้นที่ห่างไกล
2. ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติ
ทำให้รวดเร็วขึ้นสำหรับงานความเสี่ยงต่ำ และพัฒนาแอปฯ ให้เสถียร
1. แยกประเภทโดรนเกษตร
กำหนดให้เป็น "เครื่องมือการเกษตร" เพื่อลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น
สรุปรายงานการประชุมรวมคณะจิตอาสาด้านโดรน
ในการประชุมรวมคณะจิตอาสาด้านโดรน ได้มีการนำเสนอความเห็นและปัญหาต่างๆ อ้างอิงตามจังหวัดของผู้เข้าร่วมดังนี้:
พิษณุโลก
- ปรเมศวร์: เผชิญปัญหาพื้นที่ห้ามบิน.
- อนุรักษ์ (ช่างภาพ/สตูดิโอ): งานถ่ายภาพสำรวจที่ดิน ถ่ายงานแต่งงาน อาคารและโรงงานอุตสาหกรรม ถูกยกเลิกไป 2-3 งาน เนื่องจากต้องรอการอนุญาต 3-5 วัน ทำให้โดรน 2 ลำจอดทิ้งไว้.
บุรีรัมย์
- ณัฐพล (สำรวจ Fixedwing/เฝ้าระวังช้าง): เผชิญปัญหาพื้นที่ห้ามบินในเขตชายแดนซึ่งเป็น "พื้นที่สีแดง" (เขตสงคราม/พื้นที่ความมั่นคง) ทำให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่กล้าใช้โดรนในการเฝ้าระวังช้างป่าที่ออกมาตามชุมชน กลายเป็นเหมือน "คนตาบอด" ที่ไม่สามารถประเมินสถานการณ์และใช้กำลังคนได้อย่างเหมาะสม. โครงการต้องเปลี่ยนไปใช้พื้นที่จังหวัดอื่นที่อนุญาต.
กรุงเทพมหานคร
- พัทธระ (ตูน) (Production/สำรวจ): งานหาย ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครนแทนโดรน เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีประกาศงดบินต่อเนื่องหรือไม่. งานในเดือนสิงหาคมเกือบทั้งหมดหายไป. นอกจากนี้ระบบ UAS Portal ให้บินได้เฉพาะ Visual Line of Sight (VLOS) แต่ตนเองทำงานสำรวจที่ต้องการ Beyond Visual Line of Sight (BVLOS) ทำให้ไม่สามารถยื่นขออนุญาตได้.
- แนน (ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย): ต้องพกประกาศอัปเดตไปอธิบายข้อกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเทพฯ ฟังเมื่อต้องการลงบันทึกประจำวันเพื่อขออนุญาตบิน.
ราชบุรี
- ประพัฒน์ (สำรวจ Solar): พบปัญหาแอปพลิเคชัน (UAS Portal) ไม่เสถียร วันแรกขออนุญาตได้ แต่วันถัดมากลับขอไม่ได้ในพื้นที่เดิม. การบินที่กำแพงแสน (VTD16) ได้รับอนุญาตจากกองทัพอากาศ แต่แอปพลิเคชันไม่อนุญาต ทำให้เกิดความขัดแย้ง และไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ กพท. ได้เลย.
- แนน เสริมว่า: พื้นที่ VTD16 ส่งผลกระทบ 3 จังหวัด แต่ประกาศระบุเพียงราชบุรี ทำให้จังหวัดใกล้เคียงถูกปฏิเสธเพราะอยู่ใกล้พื้นที่ความมั่นคง.
นนทบุรี
- เพชร (ฟรีแลนซ์ Production/Ads/Movie): ระยะเวลาการขออนุญาตบินคือ 3 วัน ทำให้พลาดโอกาสงานด่วนที่ติดต่อเข้ามาช่วงหัวค่ำเพื่อบินเช้าวันรุ่งขึ้น. เสนอให้มีการอนุมัติง่ายขึ้นสำหรับการบินที่ไม่เกิน 50 เมตร. หลังการงดบิน ลูกค้าไม่มั่นใจจึงเปลี่ยนไปใช้เครนแทน.
เชียงใหม่
- กมลวัฒน์ (มหาวิทยาลัย): โครงการอบรมโดรนสำหรับนักศึกษาและศิษย์เก่าถูกยกเลิก เพราะมหาวิทยาลัยยึดถือประกาศของจังหวัดที่ส่งมาล่าช้า (ลงนาม 8 ส.ค. แต่รับ 15 ส.ค.) และเป็นฉบับเก่าที่ห้ามบินทั่วประเทศ แม้จะมีประกาศใหม่จากหน่วยงานกำกับดูแลก็ตาม. เชื่อว่าผู้คุมกฎ (regulator) ไม่มี "ส่วนได้" แต่มี "ส่วนเสีย" จึงเน้นความปลอดภัยและไม่อนุมัติอย่างเร่งด่วน.
- ธนพัฒน์ (โดรนเกษตร VTD42): เป็นเกษตรกรและรับจ้างบิน ได้รับผลกระทบรายได้ 100% สำหรับช่วงครึ่งเดือน. กองบินออกประกาศปลดล็อคการบินวันที่ 16-17 ส.ค. แต่ให้บินได้ถึง 31 ส.ค. เท่านั้น ผลกระทบคือสินเชื่อไม่รอ. ข้าวโพดหวานถูกหนอนเจาะฝัก โรงงานไม่รับซื้อ ต้องนำไปขายเป็นอาหารสัตว์ในราคาถูก (กิโลละ 1 บาท). การขออนุญาตบิน 3 วันไม่ทันการ เนื่องจากหนอนและเพลี้ยไม่รอ. ต้องบินหลายอำเภอ และต้องไปสำรวจพื้นที่เพื่อวาดแผนที่ในแอป 2 รอบต่อวันสำหรับแปลงเล็กๆ (3 ไร่ต่อแปลง) ซึ่งไม่ทันการณ์. เสนอให้แยกโดรนเกษตรเป็นเครื่องมือการเกษตรเหมือนรถไถ.
- ธนสิทธิ์ (ฟรีแลนซ์): บินมา 6 ปี เผชิญปัญหาพื้นที่ห้ามบินใกล้สนามบินเชียงใหม่ที่ครอบคลุมเกือบทั้งเมือง ทำให้การทำงานยุ่งยากและต้องพึ่งพาหลายหน่วยงานในการขออนุญาต.
กาฬสินธุ์
- มาร์ค (กวีวงศ์) (โดรนเกษตร T16-T20): ความเสียหายไม่ได้จำกัดแค่นักบินขาดรายได้ แต่เกษตรกรยังประสบปัญหาผลผลิตเสียหาย เช่น ข้าวเสียหายมากกว่า 30% (จาก 5,000 บาท/ไร่ เหลือ 3,000 บาท/ไร่) หากไม่ได้ฉีดยาป้องกันโรคในช่วงตั้งเมล็ด. ปุ๋ยแพงและขาดคนหว่านยา ผู้รับจ้างฉีดพ่นยาหายากเพราะเสียชีวิตจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง ทำให้โดรนเกษตรกลายเป็นสิ่งจำเป็น 100%.
ขอนแก่น
- พงษ์พิชญ์ (ทนายความ/กรรมการ กกตร.): เคยใช้โดรนสำรวจน้ำท่วมและเสนอการเมืองในสภาเมื่อ 3-4 ปีก่อนโดยไม่ได้ขออนุญาต เพราะต้องการข้อมูลด่วนเพื่อแก้ปัญหาประชาชน. ใช้โดรนในงานบังคับคดีสืบทรัพย์ เมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่. เขตบ้านอยู่หลังสนามบิน ก็จะบินในช่วงน้ำท่วมโดยไม่สนใจเรื่องสนามบิน เพราะรู้เวลาเครื่องขึ้นลง. พบว่าแอปพลิเคชันยุ่งยาก เลยเลือกที่จะไม่ลงทะเบียนและบินเมื่อจำเป็น.
อุทัยธานี
- โกศล (ขายขนม/รับถ่ายที่ดิน): ได้รับผลกระทบ 17 วัน ที่ไม่สามารถรับงานถ่ายที่ดินได้ ซึ่งปกติจะได้ลูกค้า 2-3 รายต่อวัน รายละประมาณ 1,000 บาท.
จันทบุรี
- กฤษฎานล รัตนพันธุ์ (Facebook Comment): จังหวัดจันทบุรีซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนรายใหญ่และผลไม้เศรษฐกิจสำคัญ ถูกห้ามบินโดรนในฐานะพื้นที่สีแดงโดยรวม แม้ในบางอำเภอที่ไม่ได้ติดชายแดน. การขาดแรงงานต่างชาติที่กลับประเทศไป ทำให้ชาวสวนหันมาใช้โดรนในการพ่นยาบำรุงทุเรียนในช่วงสำคัญของการสะสมอาหารเพื่อออกดอก. เสนอให้พิจารณาอนุโลมการใช้โดรนเกษตรในอำเภอที่ไม่ติดชายแดน เนื่องจากโดรนมีขนาดใหญ่ บินไม่สูง และแบตเตอรี่หมดเร็ว ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง.
- แนน (ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย): ระบุว่าเจ้าหน้าที่ในโซนจันทบุรีและตราดบินโดรนทุกวันเพื่อไล่ช้างป่า แม้จะเป็นพื้นที่ห้ามบินของ BTB 36 ก็ตาม โดยมีการประสานงานภายในกับทหารและทหารเรือ.
นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์
- Nutty Mju (Facebook Comment): สอบถามว่าพื้นที่ห้ามบินเด็ดขาดในจังหวัดเหล่านี้ยังคงห้ามอยู่ หรือสามารถบินได้ภายใต้เงื่อนไข.
สระแก้ว
- Sarayut TheTew Chotprom (Facebook Comment): พบว่าการใช้โดรนทำงานตรวจแปลงอ้อยโรงงานเป็นเรื่องยาก.
สรุปปัญหาโดยรวม
ปัญหาหลักๆ เกิดจาก ความไม่ยืดหยุ่นและขาดความเข้าใจในบริบทการใช้งานจริง ของโดรนแต่ละประเภท โดยเฉพาะ โดรนเกษตร รวมถึง ความล่าช้าและความไม่เสถียรของกระบวนการขออนุญาต ส่งผลกระทบต่อปากท้องและเศรษฐกิจอย่างมากในหลายภาคส่วน มีการเรียกร้องให้ ปรับปรุงกฎหมายและการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เหมาะสมและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น.
เสียงสะท้อนจากคนใช้โดรน
สรุปข้อมูลปัญหา ผลกระทบ และข้อเสนอแนะฉบับสมบูรณ์
ปัญหาหลัก: กฎระเบียบและกระบวนการ
ระยะเวลาไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ▶
- คุณเพชร (โปรดักชั่น): ขออนุญาต 3 วัน แต่ได้งานด่วนตอนค่ำ บินเช้าถัดไปไม่ทัน ทำให้พลาดโอกาส
- คุณพัทระ (ตูน): งานหายทั้งเดือน ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครนแทนเพราะไม่มั่นใจกฎระเบียบ
แอป UAS Portal ไม่เสถียร ▶
- ความขัดแย้ง: แอปอนุญาตแต่หน้างานห้ามบิน หรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอนุญาตแต่แอปไม่อนุญาต
- ความสับสน: ช่วงแรกแอปอนุมัติทันที แต่ต่อมาไม่อนุมัติ, สับสนการวาดวงกลม 150–200 เมตร
- ข้อจำกัด: รองรับเฉพาะ VLOS (บินในสายตา) ทำให้งานสำรวจแบบ BVLOS มีปัญหา
ขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ▶
- คุณธนากร (สตง.): ตำรวจท้องที่ไม่เข้าใจกฎ ห้ามบินแม้มีเอกสาร
- คุณกมลวัฒน์ (ม.ราชภัฏเชียงใหม่): ได้รับประกาศห้ามบินฉบับเก่าล่าช้า ทำให้โครงการอบรมถูกยกเลิก
- คุณแนน (นักกฎหมาย): ระบุ Regulator “เล่นเซฟ” ออกกฎกว้างๆ เพื่อป้องกันตัวเอง
ผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ
ภาคเกษตร (หนักที่สุด)
- พืชผลเสียหาย: ข้าวโพดหวานถูกหนอนเจาะ (ขายเป็นอาหารวัว กก.ละ 1 บาท), ข้าวโดนเพลี้ย
- ขาดรายได้ 100%: ผู้ประกอบการหลายรายไม่มีรายได้ช่วงงดบิน (เสียหาย >30% หรือ ~5,000 บาท/ไร่)
- ขาดแคลนแรงงาน: คนฉีดยาป่วย/เสียชีวิตจากสารเคมี
- ปัญหาหนี้สิน: ไม่มีเงินผ่อนโดรน (เช่น VTD42)
ภาคส่วนอื่นๆ
- ผลิตสื่อ: สูญเสียรายได้ ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น
- สำรวจ/แผนที่: งาน สตง. และงานสำรวจที่ดินเอกชนต้องยกเลิก
- สาธารณภัย: เฝ้าระวังช้างป่าลำบาก, สำรวจน้ำท่วม/ค้นหาผู้ประสบภัยล่าช้า
ปัญหาการเงินและการประกันภัย
- ต้นทุนสูงขึ้น: โดรน >25 กก. (เช่น T70) ค่าเบี้ย ~3,000–4,000 บาท/ปี
- ปัญหาการเคลม: บางบริษัทหยุดรับเคลม/ปฏิเสธต่อประกันหากเคลมบ่อย
- ค่ารับผิดส่วนแรก (Excess): ต้องจ่ายเอง ~10% ของราคาโดรน (ราว 3,000–7,000 บาท) หากไม่มีคู่กรณี
ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
ปรับปรุงกระบวนการให้เร็วขึ้น ▶
- อนุมัติอัตโนมัติระดับวินาที (อ้างอิงแนวทางคล้าย LAANC)
- ลงทะเบียน/แจ้งข้อมูลไว้ ตรวสอบย้อนหลังได้
- ยกระดับเพดานบินที่ “ไม่ต้องขออนุญาต” (เช่น 50–90 ม.)
- พัฒนาแอปให้เสถียรและใช้งานง่าย
มุมมองและความรู้สึกของผู้ใช้งาน
“สงสารเกษตรกร จนๆ อย่างพวกผมด้วยครับท่าน”
- ข้อโต้แย้ง: กฎถูกกำหนดโดย “คนในห้องแอร์” ที่ไม่เข้าใจบริบทหน้างาน การเปลี่ยนเป็น 3 วันไม่ใช่การผ่อนปรน
- ความกังวล: เข้าใจเรื่องความมั่นคง แต่ต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจปากท้องควบคู่กัน
สรุปเนื้อหาโดยละเอียดและประเด็นหลักการประชุมคณะจิตอาสาด้านโดรน
การประชุมคณะจิตอาสาด้านโดรนจากหลายฝ่ายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้งานโดรนและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้ใช้งานโดรนจากหลากหลายอาชีพ เช่น ผู้ใช้โดรนเกษตร, ผู้ผลิตสื่อ/โฆษณา, ช่างภาพ, นักสำรวจ, นักกฎหมาย, อาจารย์มหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ
ประเด็นหลักและปัญหาที่พบ:
ปัญหาด้านกฎระเบียบและกระบวนการขออนุญาต:-
ระยะเวลาการขออนุญาตไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง:
ผู้ใช้งานโดรนในสายงานโปรดักชั่นและโฆษณา เช่น คุณเพชร เผชิญปัญหาในการขออนุญาตบินที่ต้องใช้เวลา 3 วัน แต่ได้รับการติดต่อให้บินงานเร่งด่วนในตอนค่ำสำหรับเช้าวันถัดไป ทำให้พลาดโอกาสทางธุรกิจ คุณพัทระ (ตูน) ก็ระบุว่างานหายไปทั้งเดือนเนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครนแทนโดรนเพราะไม่มั่นใจในประกาศและระยะเวลาการขออนุญาต -
ความไม่เสถียรของแอปพลิเคชัน UAS Portal:
คุณประพัฒน์พบปัญหาขออนุญาตในวันแรกได้ แต่วันถัดมาขอในพื้นที่เดิมกลับไม่ได้ และบางครั้งแอปอนุญาตแต่หน้างานจริงกลับบินไม่ได้ หรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอนุญาตแต่แอปไม่อนุญาต ทำให้เกิดความขัดแย้ง คุณเพชรกล่าวว่าในช่วงแรกแอปทำงานได้ดี อนุมัติทันที เหมือนเป็นการบันทึกประจำวันเพื่อตรวจสอบย้อนหลัง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มไม่อนุมัติ มีความสับสนในการวาดวงกลม 150-200 เมตร ในแอป และแอป UAS Portal รองรับเพียงการบินแบบ Visual Line of Sight (VLOS) ทำให้งานสำรวจแบบ Beyond Visual Line of Sight (BVLOS) มีปัญหา -
การขาดความเข้าใจและการประสานงานระหว่างหน่วยงาน:
คุณธนากรจาก สตง. ซึ่งใช้โดรนสำรวจงานภาครัฐเพื่อตรวจสอบการทุจริต พบว่าตำรวจท้องที่มักไม่เข้าใจกฎระเบียบและห้ามบิน แม้จะมีเอกสารยื่นขออนุญาตแล้ว คุณกมลวัฒน์ (อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่) ได้รับเอกสารประกาศห้ามบินจากจังหวัดที่ลงนามเมื่อ 8 ส.ค. แต่มาถึงมหาวิทยาลัยวันที่ 15 ส.ค. และยังเป็นฉบับเก่า ทำให้โครงการอบรมโดรนถูกยกเลิก คุณแนนระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) มักจะ "มีส่วนเสีย" มากกว่า "มีส่วนได้" จึงเลือกที่จะ "เล่นตามเซฟ" ออกกฎกว้างๆ เพื่อป้องกันความรับผิดชอบของตนเอง โดยไม่ได้เร่งรีบหรือสนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบอาชีพ -
พื้นที่ห้ามบิน (Red Zones):
คุณณัฐพลจากบุรีรัมย์ไม่สามารถบินโดรนสำรวจและเฝ้าระวังช้างในพื้นที่ป่าติดชายแดนที่เป็น "พื้นที่สีแดง" ได้ คุณแนนชี้แจงว่าประกาศการบินพลเรือนมีข้อยกเว้นสำหรับหน่วยงานความมั่นคงในการใช้โดรน แต่เจ้าหน้าที่อุทยานในพื้นที่สีแดงไม่แน่ใจว่าจะต้องขออนุญาตจากใคร -
การจำกัดการบินกลางคืน:
กพท. จำกัดการขออนุญาตบินกลางคืนเพียง 5 คืนต่อคนต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับงานโปรดักชั่น -
วันหยุดราชการกับการอนุมัติ:
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า CAAT มักประกาศมาตรการผ่อนปรนในช่วงเย็นวันศุกร์หรือก่อนวันหยุดยาว (เช่น 15 ส.ค. ก่อนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 16-17 ส.ค.) ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและดำเนินการอนุมัติได้ทันที
-
ภาคเกษตรกรรม (หนักที่สุด):
- พืชผลเสียหาย: เกษตรกร เช่น ข้าวโพดหวานและข้าว ได้รับความเสียหายอย่างมากจากศัตรูพืช (หนอนเจาะฝัก, เพลี้ย) ที่ไม่รอการอนุมัติการบินโดรน 3-5 วัน คุณธนพัฒน์เล่าว่าข้าวโพดหวานโดนหนอนเจาะฝักทำให้ขายไม่ได้ ต้องนำไปขายเป็นอาหารวัวกิโลละ 1 บาท
- ขาดรายได้: คุณธนพัฒน์และคุณมาร์ค ซึ่งเป็นเกษตรกรและผู้รับจ้างบินโดรนเกษตร ขาดรายได้ 100% ในช่วงที่งดบิน คุณมาร์คประมาณการว่าความเสียหายต่อผลผลิตข้าวมากกว่า 30% หรือประมาณ 5,000 บาทต่อไร่
- ขาดแคลนแรงงาน: การพ่นยามีความจำเป็นเร่งด่วน แต่แรงงานคนหายากขึ้น เพราะคนฉีดรับสารเคมีโดยตรงจนป่วยและเสียชีวิต ผู้สูงอายุทำเองไม่ไหว
- ปัญหาหนี้สิน: ผู้ใช้งานโดรนเกษตรหลายรายกู้เงินซื้อโดรน (เช่น VTD42) แต่เมื่อบินไม่ได้ก็ไม่มีรายได้มาผ่อนชำระ ทำให้สถาบันการเงินไม่รอมตรการช่วยเหลือ
- ภาคการผลิตและสื่อ: คุณพัทระ (ตูน) สูญเสียรายได้และงานเนื่องจากลูกค้าขาดความเชื่อมั่นในกฎระเบียบ เปลี่ยนไปใช้เครนแทนโดรน
- ภาคการสำรวจและทำแผนที่: คุณธนากรจาก สตง. และคุณอนุรักษ์ (ช่างภาพ/สำรวจที่ดิน) ก็ได้รับผลกระทบจากงานที่ต้องยกเลิกหรือเลื่อนออกไป
- การเฝ้าระวังและบรรเทาสาธารณภัย: การงดบินโดรนทำให้การเฝ้าระวังช้างป่าทำได้ยากขึ้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้เหมือน "คนตาบอด" และการใช้โดรนในภารกิจเร่งด่วน เช่น การสำรวจน้ำท่วม หรือค้นหาผู้ประสบภัย จะไม่ทันท่วงทีหากต้องรอการอนุมัติ 3 วัน
- ต้นทุนประกันภัยสูงขึ้น: โดรนขนาดเกิน 25 กก. (เช่น T70) ต้องทำประกันบุคคลที่สามวงเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งมีค่าเบี้ยประกัน 3,000-4,000 บาทต่อปี
- ปัญหาการเคลมประกัน: คุณแนนกล่าวว่าบริษัทประกันบางแห่งเคยรับเคลมความเสียหาย 100% แต่ตอนนี้หยุดรับเคลมแล้ว เพราะเกษตรกรเคลมกันมากเกินไป คุณเพชรเล่าประสบการณ์ที่บริษัทประกันปฏิเสธการเคลมหรือขายประกันต่อ หากมีประวัติการเคลมบ่อย มีการตั้งข้อสังเกตว่าประกันชั้น 1 ในปีแรกอาจไม่จำเป็น เพราะประกันสินค้าของ DJI ก็ครอบคลุมความผิดพลาดจากตัวโดรนอยู่แล้ว และบริษัทประกันอาจเคลมอะไหล่ฟรีจาก DJI
- ค่ารับผิดส่วนแรก: หากไม่มีคู่กรณี ผู้ใช้โดรนต้องจ่ายค่ารับผิดส่วนแรก (Excess) ประมาณ 10% ของราคาโดรน หรือ 3,000-7,000 บาท
- แยกประเภทโดรนเกษตรออกจากโดรนถ่ายภาพ/สำรวจ: เนื่องจากวัตถุประสงค์การใช้งาน, เพดานบิน (3-5 เมตร, สูงสุด 10-30 เมตร), ระยะการบิน (ไม่เกิน 1 กม.) และระยะเวลาการทำงาน (แบตเตอรี่บินได้ 10 กว่านาที) แตกต่างกันอย่างชัดเจน ควรให้โดรนเกษตรถือเป็น "เครื่องมือเกษตร" และอนุญาตให้บินได้โดยเพียงแค่แจ้งให้หน่วยงานทราบและมีใบอนุญาตนักบินที่ถูกต้อง
-
ปรับปรุงกระบวนการขออนุญาตให้รวดเร็วและสะดวกขึ้น:
- เสนอให้มีการอนุมัติทันทีใน 30 วินาที แบบระบบ LANCC ของอเมริกา
- เสนอให้แค่ลงทะเบียนและแจ้งข้อมูลการบินไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบย้อนหลัง ไม่ต้องรอการอนุมัติ
- เสนอให้เพิ่มเพดานบินที่ไม่ต้องขออนุมัติเป็นพิเศษ (เช่น 50 เมตร หรือ 90 เมตรในพื้นที่ VTD)
- พัฒนาแอปพลิเคชันให้เสถียรและใช้งานง่าย
- เพิ่มความรู้ความเข้าใจให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น: CAAT ควรประสานงานกับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น (อำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน) เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎระเบียบโดรนเกษตร
- พิจารณาเรื่องโดรนของเล่น (Toy-grade drone): โดรนของเล่นราคาถูก (ไม่ถึง 1,000 บาท) ที่สามารถบินได้ไกลและนาน มีกล้องติดมาด้วย เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ควรมีการพิจารณาและควบคุม
- สร้างกลไกให้ Regulator มีส่วนได้ส่วนเสีย: มีการเสนอว่าหากมีค่าธรรมเนียมในการขออนุญาต (เช่น 200-300 บาทต่อครั้ง) จะทำให้หน่วยงานมี "ส่วนได้" และมีแรงจูงใจในการอำนวยความสะดวกมากขึ้น เหมือนในต่างประเทศ
- รวมกลุ่มเพื่อผลักดัน: ผู้เข้าร่วมประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรวมตัวกันเพื่อส่งเสียงและข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
- ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ: หลายคนรู้สึกสิ้นหวัง, มืดแปดด้าน และเครียดจากการขาดรายได้ เกษตรกรกล่าวว่า "สงสารเกษตรกร จนๆ อย่างพวกผมด้วยครับท่าน"
- ข้อโต้แย้งต่อกฎระเบียบ: กฎหมายควรควบคุมดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชน ไม่ใช่ขัดขวางการทำมาหากิน มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากฎระเบียบมาจาก "กลุ่มคนนั่งห้องแอร์" ที่ไม่เข้าใจความลำบากของเกษตรกร และการเปลี่ยนจากการขออนุญาต 12 ชั่วโมงล่วงหน้า มาเป็น 3 วันล่วงหน้า ไม่ใช่การผ่อนปรนเลย
- ความกังวลด้านความมั่นคง vs. ปากท้อง: ผู้ใช้งานโดรนส่วนใหญ่เข้าใจถึงความสำคัญของความมั่นคงของชาติ แต่ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาถึงเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนควบคู่กันไป
- ความหลากหลายของความคิดเห็น: มีทั้งผู้ที่ชื่นชมการตัดสินใจที่คำนึงถึงทุกภาคส่วน ผู้ที่รู้สึกว่ารัฐบาล "เพื่อไทย" ใส่ใจ และผู้ที่เตือนไม่ให้ผู้ใช้โดรน "ซ่าส์" หรือ "ลองของ" เมื่อคลายล็อกแล้ว
โดยรวมแล้ว การประชุมและข้อคิดเห็นสะท้อนถึงความเดือดร้อนและความต้องการให้ภาครัฐปรับปรุงกฎระเบียบการใช้โดรนให้มีความชัดเจน รวดเร็ว ยืดหยุ่น และสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน
เสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานโดรน
สรุปปัญหาและข้อเสนอแนะจากหลากหลายอาชีพในประเทศไทย
เกษตรกร / นักบินโดรนเกษตร
ปัญหาหลักที่พบ:
- เขตห้ามบิน (พื้นที่สีแดง): กระทบการเฝ้าระวังช้างป่าและป้องกันพืชผล
- ผลผลิตเสียหายหนัก: ศัตรูพืชระบาด (หนอน, เพลี้ย) เพราะพ่นยาไม่ทันการณ์
- ขั้นตอนขออนุญาต: ล่าช้า (3–7 วัน), แอปฯ ไม่เสถียร
- ผลกระทบเศรษฐกิจ: ขาดรายได้ 100%, ต้นทุนพุ่งสูง
- ปัญหาประกันภัย: ต้นทุนสูง, เคลมยาก, ไม่ครอบคลุม
ข้อเสนอแนะ:
- แยกโดรนเกษตรเป็น “เครื่องมือทางการเกษตร”
- ลดขั้นตอนขออนุญาตให้เป็นเพียง “การแจ้งเพื่อทราบ”
- ประสานงานและให้ความรู้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
ถ่ายภาพ / โปรดักชัน / สำรวจ
ปัญหาหลักที่พบ:
- งานถูกยกเลิก: ลูกค้าไม่มั่นใจ, เปลี่ยนไปใช้เครนแทน
- ขออนุญาตไม่ทันงานด่วน: ลูกค้าติดต่อกระชั้นชิด แต่ต้องรอ ~3 วันทำการ
- แอปฯ UAS Portal: ไม่เสถียร, ไม่รองรับ BVLOS
- ข้อจำกัดพื้นที่/เวลา: เขตห้ามบินในเมือง, จำกัดบินกลางคืน (5 คืน/เดือน)
ข้อเสนอแนะ:
- ลดเวลาขออนุญาตให้ อนุมัติทันที และตรวจสอบย้อนหลังได้
- พิจารณาจำกัดเพดานบินแทน “ห้ามบิน” บางเขต
- ระบบจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อความรวดเร็ว (ตัวอย่างต่างประเทศ)
เจ้าหน้าที่รัฐ (สตง.)
การใช้งาน:
ใช้สำรวจ ทำแผนที่ 3 มิติ และวัดปริมาตรงานก่อสร้างของรัฐ เพื่อ ตรวจสอบการทุจริต (เช่น โกงปริมาตรดิน)
ปัญหาหลักที่พบ:
- ความไม่เข้าใจของตำรวจท้องที่: แม้มีเอกสารถูกต้อง ก็ยังถูกห้ามบิน
- ขาดการสื่อสารนโยบาย: ความรู้จากส่วนกลางไม่ถึงระดับปฏิบัติการ
อาจารย์ / ทนาย / เอกชน
ปัญหาที่พบร่วมกัน:
- ข้อมูลล่าช้า: ประกาศจากส่วนกลางถึงหน่วยงาน/มหาวิทยาลัยช้า จนต้องยกเลิกโครงการ
- แอปฯ ยุ่งยาก: ผู้ใช้มองว่า “ปวดหัว/จุกจิก” เกินไป
- ขาดการประสานงาน: กฎจากส่วนกลางขัดกับการปฏิบัติหน้างาน
- แนวคิด “Play Safe”: ผู้คุมกฎเลือกปฏิเสธหรือทำให้ช้า
มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
- เกิดช่องว่างเพราะ “ผู้สร้างกฎไม่ได้ใช้โดรน และผู้ใช้โดรนไม่ได้สร้างกฎ”
- มักต้องถือประกาศล่าสุดไปชี้แจงตำรวจด้วยตนเอง
- ย้ำความสำคัญของ “รวมตัวกันผลักดันข้อเสนอ” เพราะเสียงเดียวมักไม่มีผล
สรุปภาพรวม
ประเด็นสำคัญ:
- กฎไม่สอดคล้อง: ระเบียบไม่เข้ากับความเป็นจริง กระทบเศรษฐกิจปากท้อง
- ความมั่นคง vs. เศรษฐกิจ: ต้องหาจุดสมดุล
- โดรนของเล่น: เสี่ยงกว่าโดรนขึ้นทะเบียนในบางบริบท
- ตัวอย่างต่างประเทศ: บางระบบอนุมัติเร็วระดับวินาที (เช่น LAANC)
ข้อเสนอแนะหลัก: “ทำให้ขออนุญาตง่าย/เร็ว และแยกประเภทโดรนตามวัตถุประสงค์”
สรุปการประชุมผู้ใช้งานโดรนจากหลายสาขาอาชีพ
การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมผู้ใช้งานโดรนจากหลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อสะท้อนถึงปัญหา อุปสรรค ผลกระทบ และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎระเบียบการบินโดรนในประเทศไทย โดยเนื้อหาถูกแบ่งตามสาขาอาชีพเพื่อให้เห็นประเด็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. เกษตรกร / นักบินโดรนเกษตร
ผู้เข้าร่วม
- ณัฐพล (บุรีรัมย์) – ใช้โดรน Fixed-wing สำรวจและเฝ้าระวังช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าติดชายแดน ใช้โดรนติดกล้องเทอร์มอลบินกลางคืนเพื่อประเมินจำนวนช้างและกำลังคนในการไล่ช้าง
- ธนพัฒน์ (เชียงใหม่) – เกษตรกรและผู้รับจ้างบินโดรน ใช้โดรนหลายอำเภอในการพ่นยาข้าวโพดหวาน (VTD42) และข้าว
- มาร์ค/กวีวงศ์ (กาฬสินธุ์) – นักบินโดรนเกษตรมากว่า 5 ปี ใช้รุ่น T16–T20 และต้องใช้โดรน 100% แทนแรงงานคน เนื่องจากผู้รับจ้างพ่นยาส่วนใหญ่เสียชีวิตจากสารเคมี
ปัญหาที่พบ
- เขตห้ามบินและความมั่นคง: เขตชายแดน (เช่น อ.ดนแดง) ถูกระบุ “พื้นที่สีแดง” แม้เจ้าหน้าที่ได้รับอนุญาตและลงทะเบียนแล้ว แต่ไม่สามารถบินได้ → เท่ากับ “คนตาบอด” ไม่รู้จำนวนช้างที่ออกจากป่าและเสี่ยงเข้าใกล้ชุมชน
- ผลกระทบต่อผลผลิต: การงดบินทำให้พืชผลเสียหายอย่างหนัก เช่น ข้าวโพดหวานถูกหนอนเจาะ จนต้องขายเป็นอาหารสัตว์ราคาถูก (1 บาท/กก.) ข้าวเมื่อถูกเพลี้ย หากไม่ฉีดยาภายใน 1–2 วัน จะเสียหายทั้งแปลง
- กระบวนการขออนุญาต: ใช้เวลา 3–7 วัน ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง แอปฯ UAS Portal ไม่เสถียร ขอได้วันแรก วันถัดไปขอไม่ได้ / แอปฯ อนุญาตแต่หน้างานไม่อนุญาต และการวาดวงกลม 150–200 ม. มีความสับสน
- ความไม่สะดวกของพื้นที่ภาคเหนือ: แปลงเล็ก (3–4 ไร่) ต้องบินหลายแปลงต่อวัน ทำให้การยื่นขออนุญาตล่วงหน้าไม่สอดคล้องกับงานจริง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
- นักบินเกษตรขาดรายได้ 100% ช่วงงดบิน
- เกษตรกรเสียหายมากกว่า 30% ข้าวเสียหายเฉลี่ย 5,000 บาท/ไร่
- ต้นทุนปุ๋ยสูงขึ้น แต่รายได้หด
- สถาบันการเงิน/ไฟแนนซ์ไม่มีมาตรการช่วยเหลือ
- หลายคนลดต้นทุนฤดูกาลถัดไป เช่น เลิกจ้างโดรน หรือหว่านข้าวแล้วปล่อยตามธรรมชาติ
การประกันภัย
- บังคับทำประกันภัยบุคคลที่สาม 2 ล้านบาทสำหรับโดรน > 25 กก.
- บริษัทบางแห่งเลิกเคลมซ่อมโดรน เพราะจำนวนเคลมสูง ปัจจุบันเหลือแต่ประกันบุคคลที่สาม
- ค่าความเสียหายส่วนแรก (Excess) ≈ 10% หรือ 3,000–7,000 บาท
- หากปิดเรดาร์ = จงใจ → ประกันไม่จ่าย
ข้อเสนอแนะ
- แยกโดรนเกษตรออกจากโดรนถ่ายภาพ/สำรวจ
- กำหนดให้เป็น “เครื่องมือการเกษตร” เพียงแค่ยื่นแจ้ง ไม่ต้องขออนุญาตซับซ้อน
- ปรับขั้นตอนอนุญาตให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
- ฝึกความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่
- อนุโลมให้บินได้ในพื้นที่ไม่ติดชายแดน แม้อยู่ในโซนสีแดง เช่น จันทบุรี (แหล่งทุเรียนส่งออก)
2. นักบินโดรนเพื่อการถ่ายภาพ / โปรดักชัน / สำรวจ
ผู้เข้าร่วม
- พัทธระ/ตูน (กรุงเทพฯ) – โปรดักชัน งานโฆษณา ภาพยนตร์ ละคร และงานสำรวจไซต์
- เพชร (นนทบุรี) – ฟรีแลนซ์โปรดักชัน
- อนุรักษ์ (พิษณุโลก) – ช่างภาพอิสระ ใช้โดรนถ่ายงานแต่ง/อาคาร/อุตสาหกรรม และแมปปิงที่ดิน
- ธนสิทธิ์ (เชียงใหม่) – นักถ่ายภาพทางอากาศ > 6 ปี
- โกศล – รับถ่ายภาพที่ดิน
ปัญหาที่พบ
- งานหาย/ถูกยกเลิก: ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครนแทน เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะห้ามบินต่อเนื่องหรือไม่
- การขออนุญาตล่าช้า: บทบาทงานมักมาด่วน เช่น ลูกค้าติดต่อคืน → ต้องถ่ายเช้า แต่ขออนุญาตใช้เวลา 3 วัน
- แอปฯ UAS Portal: ไม่รองรับ BVLOS, ต้องบิน VLOS เท่านั้น ระบบไม่เสถียร ปฏิเสธโดยไม่ชี้แจง
- เขตห้ามบิน: กรุงเทพฯ ต้องอธิบายเจ้าหน้าที่เอง, เชียงใหม่ เขตห้ามบินกินพื้นที่เกือบทั้งเมือง
- การบินกลางคืน: จำกัดเพียง 5 คืน/ต่อคน/เดือน → ไม่พอสำหรับโปรดักชัน
ผลกระทบ
- ขาดรายได้, งานถูกยกเลิก
- บางรายต้องคืนเงินมัดจำลูกค้า
- ต้องแบกรับต้นทุนเอง
ข้อเสนอแนะ
- ลดเวลาขออนุญาต ให้ยื่นแล้วบินได้เลย ตรวจสอบย้อนหลังได้
- จำกัดเพดานบินใน VCD < 90 เมตร แทนห้ามทั้งหมด
- รูปแบบต่างประเทศ: อนุมัติภายใน 5 นาที แต่มีค่าธรรมเนียม – นักบินยินดีจ่าย
3. เจ้าหน้าที่รัฐ / หน่วยงานราชการ
ผู้เข้าร่วม
ธนากร (สตง.)
การใช้งาน
ใช้โดรนตรวจสอบงานก่อสร้างรัฐ เช่น เขื่อน เพื่อดูการทุจริต ทำแผนที่ 3 มิติและวัดปริมาตร
ปัญหา
ตำรวจท้องที่ไม่เข้าใจกฎ แม้เอกสารครบก็ห้ามบิน บ่อยครั้งต้องไปเคลียร์กับหัวหน้าสถานี
ผลกระทบ/ประโยชน์
โดรนช่วยตรวจพบโกงปริมาตรดินสูงถึง 80% ซึ่งเป็นหลักฐานเข้มแข็งกว่าการตรวจแบบดั้งเดิม
ไม่ได้รับผลกระทบช่วงงดบิน เพราะตรงกับปลายปีงบประมาณ
4. อาจารย์ / ผู้สอนโดรน
ผู้เข้าร่วม
กมลวัฒน์ (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่)
ปัญหา
ประกาศจากจังหวัดล่าช้า (ลงนาม 8 ส.ค. เอกสารถึงมหาวิทยาลัย 15 ส.ค.) ทำให้โครงการอบรมถูกยกเลิก
ข้อสังเกต
ผู้คุมกฎไม่ได้มีส่วนได้จากการใช้ แต่มีส่วนเสีย (ความรับผิดชอบ) → เลือกปฏิเสธหรือถ่วงเวลาเพื่อ “เล่นเซฟ”
5. พนักงานบริษัทเอกชน (สำรวจโซลาร์เซลล์)
ประพัฒน์ – ใช้โดรนถ่ายภาพโซลาร์
ปัญหา
- UAS Portal ไม่เสถียร ขอได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
- ข้อมูลกฎระเบียบจากหน่วยงานกลาง (กพท.) ขัดแย้งกับท้องถิ่น เช่น กองบินกำแพงแสน
- ไม่สามารถติดต่อสายตรงกพท.ได้
6. ทนาย / ที่ปรึกษากฎหมาย
พงษ์พิชญ์ (ขอนแก่น)
การใช้งาน
เคยใช้โดรนสำรวจน้ำท่วม ปัจจุบันใช้เพื่อสันทนาการและการสืบทรัพย์ในงานคดี
ปัญหา
- มองว่าการลงทะเบียนผ่านแอปฯ ยุ่งยากเกินไป
- กรณีฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม → ต้องบินทันทีแม้ในเขตสนามบิน
- ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น เมืองขยายตัว การก่อสร้างขวางทางน้ำ
7. ผู้เชี่ยวชาญ / ที่ปรึกษา
คุณแนน – ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดรน
- ผู้สร้างกฎ ≠ ผู้ใช้งานจริง → ก่อให้เกิดช่องว่างความเข้าใจ
- ข้อจำกัดบินกลางคืน 5 คืน/เดือน ไม่เพียงพอต่อการทำงาน
- ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรวมตัวเพื่อผลักดันข้อเสนอแนะ
ปัญหาทั่วไปและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
- การประกาศงดบินทั่วประเทศ แม้ในร่ม → ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
- เจ้าหน้าที่รัฐส่วนกลางไม่เข้าใจความลำบากของผู้ใช้งาน
- ประเด็น “เศรษฐกิจปากท้อง vs. ความมั่นคง” → ความเห็นแบ่งฝ่าย
- โดรนของเล่น (<1,000 บาท) อาจก่อความเสี่ยงมากกว่าโดรนเกษตร
- ตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น LAANC (สหรัฐฯ) อนุมัติใน 30 วินาที พร้อม QR Code
- ข้อมูลบิดเบือนในโซเชียล → เสี่ยงทำให้มีการงดบินอีกครั้ง
สรุป
ผู้เข้าร่วมจากทุกสาขามีความเห็นตรงกันว่า กฎระเบียบการบินโดรนยังไม่สอดคล้องกับสภาพการใช้งานจริง โดยเฉพาะเรื่องความรวดเร็วในการขออนุญาต ความเสถียรของระบบ UAS Portal และการขาดความเข้าใจในบริบทแต่ละอาชีพ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน จึงมีข้อเสนอให้ แยกประเภทโดรนเกษตรออกจากโดรนสำรวจ/ถ่ายภาพ และ ปรับกระบวนการขออนุญาตให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เร่งด่วนจริงในภาคสนาม.
📋 รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม
- ขอนแก่น: พงษ์พิชญ์
- หนองคาย: ประกฤษฎิ์
- กรุงเทพฯ: ธนากร, ตูน, NAN
- เชียงใหม่: ธนภัทร, khamolwat, ธนะสิทธิ์
- พิษณุโลก: ปรเมศวร์ (2 คน), อนุรักษ์
- สุราษฎร์ธานี: โกเมท
- บุรีรัมย์: ณัฐพล
- นนทบุรี: ประภัทร, เพชร
- อุบลราชธานี: Mr.pusit, ภูสิษฐ์
- Kalasin: Mark
- อุทัยธานี: โกศล
- ฉะเชิงเทรา: นิวัฒน์
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
พร้อมให้คำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโดรน
LINE: @droneth คลิกเพื่อเพิ่มเพื่อน →